top of page
Search

การคำนวณต้นทุนห้องพัก: กุญแจสู่การบริหารโรงแรมที่ประสบความสำเร็จ

  • Writer: mahasajan hotel
    mahasajan hotel
  • 2 days ago
  • 3 min read


การบริหารโรงแรม การคำนวณต้นทุน


คุณเคยตั้งคำถามกับตัวเองบ้างไหมว่า "ห้องพักของเรามีต้นทุนต่อคืนเท่าไหร่กันแน่?" ผมยังจำได้ดีเมื่อสมัยที่เพิ่งเริ่มบริหารโรงแรมบูติกขนาด 40 ห้องของผมเอง เราขายห้องได้เต็มแทบทุกวัน แต่พอสิ้นเดือนกลับพบว่ากำไรน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก จนวันหนึ่งที่ผมนั่งลงและเริ่มคำนวณต้นทุนที่แท้จริงต่อห้องต่อคืน นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ธุรกิจโรงแรมของผมพลิกฟื้น

วันนี้ผมจะมาแชร์วิธีคำนวณต้นทุนห้องพักแบบละเอียดที่ผู้บริหารโรงแรมทุกคนควรรู้ พร้อมยกตัวอย่างจากประสบการณ์จริงที่ผมเจอมากับตัว
รู้จักต้นทุนผันแปรให้ถ่องแท้ก่อนตั้งราคาห้องพัก
ต้นทุนผันแปรคืออะไร? ง่ายๆ คือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเฉพาะเมื่อมีลูกค้าเข้าพัก หากไม่มีคนเข้าพัก ต้นทุนเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น

จำได้ไหมครับว่าครั้งสุดท้ายที่คุณเข้าพักโรงแรม คุณใช้อะไรในห้องบ้าง? แชมพู สบู่ ผ้าเช็ดตัว น้ำดื่ม กาแฟ ไปจนถึงกระดาษทิชชู่ ทุกอย่างนั่นแหละคือต้นทุนผันแปรที่เราต้องคำนวณ
เมื่อปีที่แล้ว โรงแรมของผมมีแขกเช็คอินห้อง Deluxe ราคา 1,500 บาท ลูกค้ารายหนึ่งเป็นครอบครัวที่มาพัก 2 คืน พวกเขาใช้ผ้าเช็ดตัวเกือบทั้งหมดที่เราเตรียมไว้ ใช้แชมพูและสบู่จนหมดทุกขวด เปิดแอร์และไฟทิ้งไว้ตลอดเวลา เมื่อเช็คเอาท์ พบว่าเขายังหยิบปากกาและสมุดโน้ตของโรงแรมไปด้วย เมื่อคำนวณต้นทุนผันแปรทั้งหมด เราพบว่ามีค่าใช้จ่ายสูงถึง 850 บาทต่อคืน! นั่นหมายความว่าจากราคาขาย 1,500 บาท เหลือเพียง 650 บาทก่อนที่จะหักต้นทุนคงที่อื่นๆ เช่น เงินเดือนพนักงาน ค่าเช่า และอื่นๆ

หลังจากนั้น ผมได้นั่งลงและทำ Excel Sheet ขึ้นมาเพื่อคำนวณต้นทุนทุกอย่างอย่างละเอียด วันนี้ผมจะแชร์วิธีการนี้กับคุณ
เจาะลึกการคำนวณต้นทุนห้องพักแบบที่ผู้บริหารโรงแรมควรทำ

room cost calculation

1. ของใช้ในห้องพัก (Amenities) ที่นับแล้วช็อค!
ลองนึกภาพห้อง Superior ของโรงแรมคุณ มีอะไรบ้างที่เราต้องเตรียมไว้ให้ลูกค้า? มาดูกันที่รายการและต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงในโรงแรมของผม:
  • แชมพูขวดเล็ก 30 ml (2 ขวด) - 12 บาท/ขวด = 24 บาท
  • สบู่ก้อนเล็ก (2 ก้อน) - 8 บาท/ก้อน = 16 บาท
  • ครีมอาบน้ำ 30 ml (2 ขวด) - 14 บาท/ขวด = 28 บาท
  • น้ำดื่ม (4 ขวด) - 5 บาท/ขวด = 20 บาท
  • กาแฟซอง (2 ซอง) - 6 บาท/ซอง = 12 บาท
  • ชาซอง (2 ซอง) - 5 บาท/ซอง = 10 บาท
  • น้ำตาลซอง (4 ซอง) - 1 บาท/ซอง = 4 บาท
  • ครีมเทียมซอง (2 ซอง) - 2 บาท/ซอง = 4 บาท
  • ขนมต้อนรับ - 15 บาท
  • กระดาษทิชชู่ม้วน (2 ม้วน) - 8 บาท/ม้วน = 16 บาท
  • กระดาษเช็ดหน้า (1 กล่อง) - 25 บาท
  • ปากกา (1 ด้าม) - 8 บาท
  • สมุดโน้ต (1 เล่ม) - 12 บาท

เพียงของใช้เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ก็รวมเป็นเงินถึง 194 บาทต่อห้องแล้ว! และนี่ยังไม่รวมกรณีที่ลูกค้าพักหลายวันและเราต้องเติมของใหม่ทุกวัน
มีครั้งหนึ่งที่แขก VIP มาพักที่โรงแรมของเรา พวกเขาขอของใช้ในห้องน้ำเพิ่มทุกวัน แม้ว่าจะใช้ไม่หมดก็ตาม เมื่อเช็คเอาท์ เราพบว่าพวกเขาเก็บทุกอย่างใส่กระเป๋าไป ทำให้ต้นทุน Amenities ของเราพุ่งขึ้นเป็นเกือบ 400 บาทต่อคืน!

2. ผ้าและค่าซัก - ต้นทุนที่มองข้ามไม่ได้
ผมเคยคิดว่าค่าซักผ้าไม่น่าจะเป็นต้นทุนที่สูงมาก จนกระทั่งได้คำนวณอย่างละเอียด:
  • ผ้าปูที่นอน (1 ผืน) - ค่าซัก 35 บาท
  • ปลอกหมอน (2 ใบ) - ค่าซัก 15 บาท/ใบ = 30 บาท
  • ผ้านวม (1 ผืน) - ค่าซัก 50 บาท
  • ผ้าเช็ดตัวใหญ่ (2 ผืน) - ค่าซัก 20 บาท/ผืน = 40 บาท
  • ผ้าเช็ดตัวเล็ก (2 ผืน) - ค่าซัก 10 บาท/ผืน = 20 บาท
  • ผ้าเช็ดหน้า (2 ผืน) - ค่าซัก 5 บาท/ผืน = 10 บาท
  • ผ้าเช็ดเท้า (1 ผืน) - ค่าซัก 5 บาท
  • ผ้าคลุมเตียง (1 ผืน) - ค่าซัก 30 บาท
รวมค่าซักผ้าทั้งหมดต่อห้องต่อคืนเท่ากับ 220 บาท!
และนี่ยังไม่รวมกรณีที่แขกทำผ้าเปื้อนมากกว่าปกติ เช่น เคยมีแขกคนหนึ่งทำไวน์แดงหกใส่ผ้าปูที่นอนและผ้านวม ทำให้เราต้องส่งไปซักพิเศษ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 150 บาท!

3. น้ำยาทำความสะอาดและเคมีภัณฑ์ - เล็กน้อยแต่มีผล
เมื่อแม่บ้านเข้าทำความสะอาดห้อง พวกเขาใช้น้ำยาทำความสะอาดหลายชนิด:
  • น้ำยาทำความสะอาดพื้น - 8 บาทต่อห้อง
  • น้ำยาเช็ดกระจก - 5 บาทต่อห้อง
  • น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ - 12 บาทต่อห้อง
  • น้ำยาฆ่าเชื้อ - 15 บาทต่อห้อง
  • สเปรย์ปรับอากาศ - 10 บาทต่อห้อง
รวม 50 บาทต่อห้องต่อคืน ซึ่งอาจดูไม่มาก แต่เมื่อคูณด้วยจำนวนห้องและจำนวนวันในหนึ่งเดือน ตัวเลขนี้กลายเป็นจำนวนเงินที่น่าตกใจ!
เคยมีครั้งหนึ่งที่แขกสูบบุหรี่ในห้องพักทั้งที่เป็นห้องปลอดบุหรี่ เราต้องใช้น้ำยาพิเศษและเครื่องฟอกอากาศเพื่อกำจัดกลิ่น ทำให้ต้นทุนการทำความสะอาดห้องนั้นพุ่งขึ้นเป็น 350 บาท!

4. ค่าแรงแม่บ้าน - ต้นทุนที่มองไม่เห็นแต่มีอยู่จริง
แม่บ้านในโรงแรมของผมได้รับค่าจ้าง 400 บาทต่อวัน และตาม KPI พวกเขาต้องทำความสะอาดห้องให้ได้ 10 ห้องต่อวัน นั่นหมายความว่า:
ค่าแรงแม่บ้านต่อห้อง = 400 บาท ÷ 10 ห้อง = 40 บาทต่อห้อง
แต่ในความเป็นจริง มีบางวันที่แม่บ้านทำได้น้อยกว่า 10 ห้อง โดยเฉพาะเมื่อมีห้องที่ต้องทำความสะอาดเป็นพิเศษ เช่น มีครั้งหนึ่งที่ลูกค้าจัดปาร์ตี้ในห้อง แม่บ้านต้องใช้เวลาทำความสะอาดห้องนั้นนานถึง 2 ชั่วโมง ทำให้ค่าแรงแม่บ้านสำหรับห้องนั้นพุ่งขึ้นเป็น 80 บาท!

5. ค่าไฟและค่าน้ำ - ตัวการใหญ่ที่กินต้นทุน
นี่คือส่วนที่ทำให้ผมตกใจมากที่สุดเมื่อคำนวณดูอย่างละเอียด! ลองมาดูการใช้ไฟฟ้าในห้อง Superior ของเรา:
  • เครื่องปรับอากาศ (1,500 วัตต์, ใช้งาน 12 ชั่วโมง) = 18 หน่วยต่อวัน
  • โทรทัศน์ (150 วัตต์, ใช้งาน 6 ชั่วโมง) = 0.9 หน่วยต่อวัน
  • หลอดไฟ (10 หลอด, 20 วัตต์/หลอด, ใช้งาน 8 ชั่วโมง) = 1.6 หน่วยต่อวัน
  • ตู้เย็น (100 วัตต์, ใช้งาน 24 ชั่วโมง) = 2.4 หน่วยต่อวัน
  • อุปกรณ์ชาร์จโทรศัพท์, คอมพิวเตอร์ = 0.5 หน่วยต่อวัน
รวมการใช้ไฟฟ้า = 23.4 หน่วยต่อวัน ราคาค่าไฟเฉลี่ย 6 บาทต่อหน่วย = 140.4 บาทต่อคืน
ค่าน้ำเฉลี่ย = 30 บาทต่อคืน
รวมค่าไฟและค่าน้ำประมาณ 170 บาทต่อคืน!
มีครั้งหนึ่งในช่วงซัมเมอร์ ลูกค้าเปิดแอร์ตลอด 24 ชั่วโมงและตั้งอุณหภูมิต่ำมากที่ 18°C ทำให้ค่าไฟของห้องนั้นพุ่งขึ้นเป็นเกือบ 300 บาทต่อคืน!

6. Management Fee - สำหรับโรงแรมที่ใช้บริษัทบริหาร
หากโรงแรมของคุณใช้บริการบริษัทบริหารโรงแรม หรือแบรนด์โรงแรมต้องคำนวณ Management Fee ด้วย:
  • Management Fee: ประมาณ 5-10% ของรายได้ (สำหรับห้องราคา 1,500 บาท = 75-150 บาท)
  • Incentive Fee: หากบริษัทบริหารทำ GOP ได้เกินเป้า เช่น 30% อาจต้องจ่าย Incentive Fee ประมาณ 5-10% ของส่วนที่เกิน
ทั้งหมดนี้อาจทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก 75-200 บาทต่อห้องต่อคืน!
เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน - ตัวเลขที่แท้จริง!
เมื่อเรารวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน สำหรับห้อง Superior ราคา 1,500 บาท:
  • ของใช้ในห้องพัก (Amenities): 194 บาท
  • ผ้าและค่าซัก: 220 บาท
  • น้ำยาทำความสะอาดและเคมีภัณฑ์: 50 บาท
  • ค่าแรงแม่บ้าน: 40 บาท
  • ค่าไฟและค่าน้ำ: 170 บาท
  • Management Fee (ถ้ามี): 75 บาท
รวมต้นทุนผันแปรทั้งหมด: 749 บาทต่อคืน!

นั่นหมายความว่า จากราคาขาย 1,500 บาท เราเหลือเงิน 751 บาทก่อนหักต้นทุนคงที่ เช่น เงินเดือนพนักงานประจำ ค่าเช่า ค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าตลาด และอื่นๆ
ลองคิดดูว่าถ้าเราขายห้องในราคา 900 บาทในช่วง Low Season เพื่อให้ได้อัตราการเข้าพักสูงๆ เราจะเหลือเงินเพียง 151 บาทต่อห้องก่อนหักต้นทุนคงที่!

บทเรียนจากประสบการณ์จริงในการบริหารโรงแรม
ผมยังจำได้ดีเมื่อช่วงโควิด-19 ที่ธุรกิจโรงแรมซบเซา โรงแรมของผมตัดสินใจลดราคาห้องเหลือเพียง 790 บาทต่อคืนเพื่อดึงดูดลูกค้า เราขายได้เต็มโรงแรมจริงๆ แต่สุดท้ายกลับพบว่าเราขาดทุน! ต้นทุนผันแปรของเราอยู่ที่ประมาณ 750 บาทต่อห้อง และเมื่อหักค่าคอมมิชชั่นจาก OTA อีก 15% (ประมาณ 118 บาท) ทำให้เราเหลือเพียง 790 - 750 - 118 = -78 บาทต่อห้อง!

แทนที่จะได้กำไร เรากลับขาดทุนยิ่งขายยิ่งขาดทุน! นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าทำไมการรู้ต้นทุนที่แท้จริงจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารโรงแรม


วิธีนำไปใช้ในการบริหารโรงแรมของคุณ
1. สร้าง Excel Sheet ของคุณเอง
ลองนำตัวอย่างที่ผมแชร์ไปสร้าง Excel Sheet เพื่อคำนวณต้นทุนของโรงแรมคุณเอง แยกตามประเภทห้อง เช่น Standard, Superior, Deluxe, Suite เพราะแต่ละประเภทมีต้นทุนที่แตกต่างกัน
2. กำหนดราคาขั้นต่ำที่รับได้
เมื่อคุณรู้ต้นทุนผันแปรแล้ว ให้กำหนดราคาขั้นต่ำที่คุณยอมรับได้ ซึ่งควรสูงกว่าต้นทุนผันแปรอย่างน้อย 20% และควรรวมค่าคอมมิชชั่น OTA เข้าไปด้วยหากขายผ่านช่องทางนั้น
3. ทบทวนและปรับปรุงสม่ำเสมอ
ราคาวัสดุและบริการมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ควรปรับปรุงข้อมูลต้นทุนทุก 3-6 เดือน หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงราคาวัสดุหรือค่าจ้างที่สำคัญ
4. ใช้ราคาเป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรอง
เมื่อมี Travel Agent หรือ Corporate Client มาขอราคาพิเศษ คุณจะมีข้อมูลที่ชัดเจนว่าสามารถลดราคาได้ต่ำสุดเท่าไหร่โดยไม่ขาดทุน

สรุป: รู้ต้นทุน รู้กำไร รู้วิธีบริหารโรงแรมให้ประสบความสำเร็จ
การรู้ต้นทุนที่แท้จริงของห้องพักเป็นกุญแจสำคัญในการบริหารโรงแรมให้มีกำไร ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าทำไมบางครั้งโรงแรมที่ขายห้องได้เต็มอาจไม่มีกำไรหรือถึงขั้นขาดทุนได้

จำไว้เสมอว่า: "ไม่ใช่ว่าขายได้แล้วจะมีกำไร แต่ขายอย่างไรให้มีกำไรต่างหาก"
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับการบริหารโรงแรมของคุณนะครับ! หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม อย่าลังเลที่จะติดต่อผมได้เสมอ!

บทความนี้เขียนโดยผู้มีประสบการณ์ในการบริหารโรงแรมกว่า 10 ปี เพื่อช่วยให้ผู้บริหารและผู้จัดการโรงแรมทุกท่านสามารถคำนวณต้นทุนได้อย่างถูกต้องและนำไปใช้ในการบริหารธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
 
 
 

Comments


bottom of page